วันนี้มาอัพเดทจากที่เคยบอกไป เกี่ยวกับประเด็นที่ทางแบงค์ชาติกำลังควบคุมหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยออกมาตราการควบคุมวงเงินบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดของผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท
ตอนนี้ได้ข้อสรุปเกณฑ์เบื้องต้น คือ
1. วงเงินบัตรเครดิต
รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้
รายได้ 30,000 – 50,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 3 เท่าของรายได้
รายได้ 50,000 บาทขึ้นไป ได้วงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้
ส่วนเรื่องจำนวนบัตรไม่ได้จำกัด
มาตราการนี้มีผลเฉพาะลูกค้าใหม่ ไม่มีผลกระทบกับลูกค้าเก่า
2. ลดเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจาก 20% เหลือ 18%
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ มาตราการนี้จะมีผลทั้งกับลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ แต่ลูกค้าเก่าที่กำลังผ่อนชำระอยู่ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยไปตามเดิมจนกว่าหนี้ก้อนนั้นหมด
3. วงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล
จะใช้กับเฉพาะสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันเท่านั้น เช่น บัตรกดเงินสด
รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ สมัครได้ไม่เกิน 3 ที่
รายได้สูงกว่า 30,000 บาท ได้วงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้
มาตราการนี้มีผลเฉพาะลูกค้าใหม่ ไม่มีผลกระทบกับลูกค้าเก่า
ซึ่งมาตราการเหล่านี้ ผู้ว่าแบงค์ชาติได้เซ็นลงนามในราชกิจจานุเบกษาแล้ว รอแค่ประกาศออกมา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ย. 2560 เพื่อให้เวลากับเอกชนในการปรับตัวได้ทัน
พี่ทุยคิดว่าก็ดีนะ คนจะได้เป็นหนี้กันยากขึ้น แต่พี่ทุยก็กังวลจะกลายเป็นกระตุ้นให้คนไปเป็นหนี้นอกระบบกันมากขึ้นอยากที่เคยบอกแหละ เพราะตอนนี้ความรู้เรื่องการเงินของคนไทย ส่วนตัวพี่ทุยว่าอยู่ในระดับวิกฤตเลยละ เพราะนโยบายพวกนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งนั้น สำหรับคนที่มีความรู้เรื่องการเงินที่ดี การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพวกนี้ไม่ได้มีผลกระทบเลย